ก่อนหน้านี้ ได้มีนโยบายพัฒนาแลส่งเสริมอาชีพของผู้พ้นโทษ ผู้ถุกคุมประพฤติ เด็กและเยาวชน ผู้กระทำความความผิดที่พ้นการฝึกอบรม เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำให้กับบุคคลเหล่านี้ให้สามารถประกอบอาชีพโดยสุจริตดูแลตนเองและครอบครัวได้ไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำ ด้วยการสร้างอาชีพเพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่าให้บุคคลเหล่านี้ก่อนได้รับการปล่อยตัว
ในปีนี้กรมสรรพากรจึงขยายระยะเวลาสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ
โดยคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติขยายระยะเวลาสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่มีการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2565 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2568 เป็นเวลา 4 ปี เพื่อเป็นการจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการจ้างงาน ผู้พ้นโทษให้มีอาชีพ มีรายได้ และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสให้ผู้พ้นโทษสามารถกลับเข้าสู่สังคมได้อย่างมั่นคง จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ โดยกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษได้ 1.5 เท่า เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2565 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2568”
ทางอธิบดีกรมสรรพากรได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “มาตรการดังกล่าวนอกจากจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการแล้ว ยังช่วยให้ผู้พ้นโทษมีอาชีพ มีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และไม่กลับไปกระทำความผิดซ้ำ จึงเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาสังคมของประเทศให้ดีขึ้น”