รู้หรือไม่การจ่ายค่าบริการให้กับบริษัทที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้จ่ายแล้วจบ แต่ยังมีเรื่องของภาษีอีกด้วย โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการที่จะต้องเสียภาษีให้ถูกต้องไม่ว่าจะใช้บริการที่จับต้องได้หรือไม่ก็ตาม

โดยการจ่ายภาษีสำหรับการจ่ายเงินให้กับค่าบริการต่างประเทศนั้นมีภาษีที่น่าสนใจและเราคุ้นเคยกันอย่างดีนั่นก็คือ การหักภาษีหัก ณ ที่จ่าย และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม

แต่ก่อนจ่ายภาษีจะต้องพิจารณา ดังต่อไปนี้

1. ค่าบริการที่จ่ายไป เป็นเงินได้ประเภทใด จัดเป็นเงินได้ประเภท 40(2) จนถึง (6) ถ้าไม้ตรงกับประภทเงินได้เหล่านี้ ก็จะไม่ต้องหัก ณ ที่จ่าย

2. จ่ายไปปลายทางประเทศใด เพราะต้องดูเรื่องอนุสัญญาซ้อนประกอบการหักภาษี ณ ที่จ่ายของแต่ละประเทศด้วย ถ้ามีเราจะได้ไม่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อน

ต่อไปมาดูกันว่าแต่ละภาษีมีวิธีการคิดภาษีอย่างไรบ้าง?

ภาษีสำหรับการจ่ายค่าบริการไปยังต่างประเทศควรเริ่มทำความเข้าใจกับมาตรา 70 ก่อน

“มาตรา 70 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทีตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2)(3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียภาษี โดยให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามอัตราภาษีเงินได้”

ดังนั้นผู้จ่ายเงินได้จะต้องหักภาษีเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามวิธีการและอัตราภาษี แล้วนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายภายใน 7 วันของเดือนถัดไป (ภ.ง.ด.54)

ตัวอย่าง ค่าบริการที่จ่ายไปจัดเป็นเงินได้ประเภท 40(3) เป็นค่าสิทธิใด ๆ ที่ได้รับบริการจากต่างประเทศ ผู้จ่ายจึงมีภาระหัก ณ ที่จ่าย 15% แต่ต้องดูก่อนว่าค่าบริการที่จ่ายไปนั้นจ่ายให้บริษัทในประเทศอะไร จดอนุสัญญาภาษีซ้อนกับไทยหรือไม่ ถ้าซ้อนก็ต้องเอาอัตราของประเทศนั้นมาหักลบกับของไทย โดยส่วนใหญ่อัตราภาษีจะอยู่ที่ 5% – 15% ในบางประเทศถ้าคิดเกี่ยวกับค่าบริการซอฟต์แวร์ไว้ที่ 10% เราก็จะหักภาษี ณที่ จ่ายเพียง 5% เท่านั้น

แต่เรื่องของภาษีก็ยังไม่จบที่การหักภาษี ณ ที่จ่าย

เพราะต้องมาดูอีกว่าต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยหรือไม่ ด้วยการดูว่าบริการนั้นที่เราจ่ายเงินไปถูกนำใช้ที่ไหน ถ้าเกิดว่าบริการนั้นถูกใช้ในไทยแน่นอนว่าผู้จ่ายเงินค่าบริการจะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% ด้วยพร้อม ภ.พ. 36 ในนามของบริษัทในต่างประเทศ

จากเรื่องราวที่ได้กล่าวไปด้านบน เป็นการจ่าบค่าบริการที่ไม่ได้จ่ายแค่ค่าบริการเท่านั้น แต่ยังมีภาษีที่เราต้องนำมาคิดและจ่ายภาษีตามที่กฎหมายอีกด้วย ดังนั้นจะซื้อของอะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการก็ต้องเช็กให้ดีว่ามีภาระภาษีอะไรบ้าง รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นอย่างไร จะได้ไม่ต้องมีปัญหาในภายหลัง