ในปัจจุบันคนที่เป็นเจ้าของที่ดินมักให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินเพื่อทำประโยชน์กันมากขึ้น กรณีผู้เช่าที่ดินสร้างสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกอบธุรกิจ มีประเด็นทางกฎหมายที่ควรทราบ ดังนี้

การให้เช่าที่ดิน ผู้ให้เช่าที่ดินมักจะทำสัญญาให้ผู้เช่าต้องคืนทรัพย์สินในสภาพเดิมหรือว่าโอนกรรมสิทธิ์ของสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเหล่านี้ให้ตกเป็นของผู้ให้เช่าเสียด้วย เมื่อบอกเลิกหรือสิ้นสุดสัญญา ซึ่งการเช่าที่ดินกฎหมายกำหนดให้ทำเป็นหนังสือสัญญาแต่ในกรณีที่ตกลงเช่าที่ดินเกินกว่า 3 ปี จะต้องจดทะเบียนสิทธิการเช่าที่ดินต่อสำนักงานที่ดินในพื้นที่ จึงจะบังคับได้ตามสัญญาเช่า

อย่างไรก็ตามการที่กรรมสิทธิ์บนตึกหรือสิ่งปลูกสร้างจะตกเป็นของผู้ให้เช่าอย่างสมบูรณ์นั้น จะต้องทำเรื่องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์อาคารสิ่งปลูกสร้างนั้นด้วย

การเสียภาษีกรณีมีรายได้เกิดจากสิ่งปลูกสร้าง

ในกรณีผู้เช่าที่ดินที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง มีรายได้จาการสร้างสิ่งปลูกสร้าง ผู้เช่ามีหน้าที่เสียภาษีเงินได้กรณีมีเงินได้จากสิ่งปลูกสร้างนี้และสามารถนำค่าเสื่อมราคามาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ด้วย

แต่ก็มีอีกกรณีคือผู้ให้เช่า (เจ้าของที่ดิน) อาจให้ผู้เช่าคืนที่ดินในสภาพเดิม โดยต้องทุบตึกนี้ทิ้ง

ข้อควรทำในการทำสัญญาเช่า

          - ควรทำสัญญาเช่าที่ดินให้ชัดเจน ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้าง เช่น ประเภท ขนาด วัสดุ ระยะเวลาการก่อสร้าง ฯลฯ

          - ระบุสิทธิหน้าที่ของผู้ให้เช่าและผู้เช่าเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้าง เช่น ใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ใครรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างดูแลรักษา และรื้อถอน ฯลฯ

          - กำหนดขั้นตอนการดำเนินการ เช่น การขออนุญาตก่อสร้าง หรือการตรวจรับผลงาน ฯลฯ

          - กำหนดบทลงโทษในกรณีที่ฝ่าฝืนสัญญา