M-Commerce หรือ Mobile Commerce เป็นหนึ่งในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแตกต่างจาก E-Commerce ตรงที่ M-Commerce เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายผ่านโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่ E-Commerce เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายออนไลน์ทางคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการใช้เทคโนโลยี M-Commerce จะช่วยเร่งการเติบโตให้กับธุรกิจในการทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ได้เร็วกว่าการดำเนินธุรกรรมผ่าน E-Commerce เพราะในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตามก็ต้องใช้โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสาร รับข่าวสาร หรือแม้แต่ซื้อ-ขายของ ส่งผลให้สามารถทำการตลาด และธุรกรรมเชิงพาณิชย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่า E-Commerce มีการเพิ่มขึ้นอย่างหนาแน่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็อาจไม่ใช่แนวทางสำหรับการช็อปปิ้งเสมอไป เนื่องจาก M-Commerce ยังคงเป็นที่นิยมมากขึ้น
M-Commerce มีความพร้อมมากที่จะเข้าสู่กระแสหลักในการทำธุรกิจ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้คนซื้อสินค้าบนโทรศัพท์ของตนได้ง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการทำธุรกรรมต่าง ๆ จะมีกฎระเบียบและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายต่าง ๆ ที่หน่วยงานกำกับดูแล อย่างการอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการจดทะเบียนธุรกิจ จากกรมพัฒนาธุรกิจ, กฎหมายการใช้สื่อออนไลน์ ที่มีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมคอยกำกับดูแล และการกำกับดูแลเกี่ยวกับการปฏิบัติทางภาษีให้ถูกต้อง จากกรมสรรพากร เช่นเดียวกับธุรกิจรูปแบบอื่น ๆ ที่ต้องเสียภาษีเหมือนกัน ซึ่งหากผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล
วันที่ 2018-11-16