เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีการแพร่กระจายข่าวบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับ “การปรับขึ้นของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ” จากเดิม 7% เพิ่มไปเป็น 9% โดยในข้อความนั้นระบุว่า การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม หลังจากที่ปีที่แล้วมีการขยายเวลาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีกหนึ่งปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งการขยายเวลาดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 1 กันยายนนี้ ทำให้ผู้คนต่างคาดเดากันว่ารัฐบาลอาจปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 2% ในปีนี้หลังจากการขยายเวลาสิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตามทางกรมสรรพากร ได้ออกมาชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า ข่าวดังกล่าวที่ถูกแชร์อยู่ทั่วโซเชียล เป็นการนำกำหนดระยะเวลาจากพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วย การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 646) พ.ศ. 2560 มาเผยแพร่ ทำให้เกิดการเข้าใจผิดและทำให้ประชาชนเกิดการสับสน ซึ่งตั้งแต่มีการบังคับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มในปี 2535 ได้มีการตรากฎหมาย เพื่อลดอัตราจากอัตราที่กำหนดในกฎหมายเป็นร้อยละ 7 หรือ 7% มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้เขียนกฎหมายลักษณะเช่นเดียวกันนี้มาโดยตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี และมีเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ในปี พ.ศ. 2540 เท่านั้นที่ได้มีการปรับอัตราเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นข้อกำหนดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง
โดยที่ผ่านมาได้มีกระแสความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหลายครั้งด้วยกัน ซึ่งทางกรมสรรพากรก็ได้ออกมาชี้แจงทำความเข้าใจมาโดยตลอด ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนแปลงการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ขอให้ประชาชนรับฟังข่าวจากทางกรมสรรพากรโดยตรง อย่าหลงเชื่อและตื่นตระหนกจากแหล่งข่าวที่ไม่มีที่มาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ทางกรมสรรพากรยังขอให้ช่วยกันแชร์ข้อมูลนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกันต่อ ๆ ไปด้วย
ทั้งนี้หากผู้ประกอบการหรือผู้เสียภาษีมีข้อสงสัยสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th หรือสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกพื้นที่และศูนย์สารนิเทศสรรพากร โทร.1161
เผยแพร่เมื่อ 16 พ.ย. 2018