การยื่น ภ.ง.ด. 51 เป็นการยื่นสำหรับผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือธุรกิจที่จดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีปีละ 2 ครั้งด้วยกัน คือการยื่นภาษีกลางปี (ภ.ง.ด. 51) และช่วงสิ้นปี (ภ.ง.ด. 50) โดยเป็นการนำรายได้และค่าลดหย่อน แต่ละรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้น 1 มกราคม สิ้นสุด 31 ธันวาคม นำมาหาร 2 เพื่อคำนวนกำไรสุทธิของบริษัท เพื่อเสียภาษีในอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ข้อควรระวังในการประมาณกำไรสุทธิ คือห้ามขาดไปเกินกว่า 25% เพราะถ้าหากขาดธุรกิจจะต้องเสียเงินเพิ่มอีก 20%
ตามที่กฎหมายกำหนดธุรกิจที่จดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องคำนวณภาษีในอัตราดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไป ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ
กรณีที 2 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีทุนจดทะเบียนบริษัทที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาทและมีรายได้จากการขายในรอบระยะบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท มีอัตราคำนวณภาษีดังต่อไปนี้
- ยกเว้นอัตราภาษี หากกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท
- กำไรสุทธิเกิน 3 แสนบาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท กำหนดอัตราภาษีร้อยละ 15
- กำไรสุทธิเกิน 3 ล้านบาท อัตราภาษีร้อยละ 20
กรณีที่ 3 วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME รวมถึงวิสาหกิจในเครือหรือสาขาต่างประเทศ ให้ทำการคำนวณภาษีในอัตราร้อยละ 10
โดยการยื่น ภ.ง.ด. 51 ต้องยื่นภายใน 2 เดือนนับตั้งแต่วันสิ้นรอบกลางปี ซึ่งเมื่อถึงเลาธุรกิจจึงคำนวณภาษีให้เรียบร้อยก่อนสิ้นสุดวันยื่นและชำระภาษี เพราะหากยื่นล่าช้าธุรกิจจะต้องเสียค่าปรับให้กับกรมสรรพากร โดยยื่นล่าไม่เกิน 7 วัน เสียค่าปรับเป็นเงิน 2,000 บาทและเกิน 7 วันจ่าย 4,000 บาท ซึ่งการยื่นภาษีครึ่งปี ทำให้ธุรกิจสามารถบรรเทาภาระภาษีได้นิติบุคคลที่ต้องทำการชำระได้
เผยแพร่เมื่อ 27 พ.ย. 2018